รีวิว Audi Q2

การกลับมาของ Audi สำหรับตลาดเมืองไทยภายใต้ตัวแทนจำหน่ายใหม่ ไมช์สเตอร์ เทคนิค หรือ ออดี้ ไทยแลนด์ ของตระกูล “ล่ำซำ” ในครั้งนี้สัมผัสได้เลยว่าไม่ได้มาเล่น ๆ ทั้งในเรื่องของการบริการหลังการขาย อะไหล่ รวมถึงการตั้งราคาล้วนทำออกมาได้น่าจับตามาก ซึ่งคงทำการบ้านมาหนักพอสมควรเพราะภาพลักษณ์เดิมนั้นอย่างที่รู้กัน ซึ่งนอกจากนี้ยังถือโอกาสเปิดตัวไลฟ์สไตล์ครอสโอเวอร์จิ๋วขนาด B-Segment เพื่อจับกลุ่มลูกค้าหน้าใหม่ระดับ Entry-Level วัยหนุ่ม-สาว อย่าง Audi Q2 เป็นครั้งแรกในเมืองไทย ชนกันคู่แข่งอย่าง Mercedes-Benz GLA และ BMW X1 แบบจังเบ้อเร่อ

โดยราคาเริ่มต้น อยู่ที่ 2,299,000 บาท เท่านั้น !!!

รูปลักษณ์ภายใน

ภายในห้องโดยสารนั้นจะเห็นว่ายกชุดคอนโซลมาจาก Audi A3 เลย แต่ได้ทำการตกแต่งและปรับปรุง Trim ภายในห้องโดยสารให้ดูดีมีราศียิ่งขึ้น มีการใช้พวงมาลัยชุดใหม่ 3 ก้านแบบสปอร์ต มาตรวัดความเร็วแบบดิจิตอลมีให้เลือกเป็นออปชั่น ส่วนหน้าจอตรงกลางซึ่งมากับระบบอินโฟเทนเมนต์ MMI multimedia system จะมีให้ในทุกรุ่นย่อย แต่ยังออปชั่นเสริมอีกเป็นระบบ MMI Navigator Plus พร้อมระบบ Voice Control Plus รองรับการเชื่อมต่อฮอตสปอต WiFi, iOS และ Android ได้ด้วย

รูปลักษณ์ภายนอก

ภายนอก ซึ่งจะว่าไปก็เป็นสไตล์ Audi อยู่แล้วที่มักจะเน้น form follow function มาตั้งแต่อดีต แต่ยังดีที่ได้แถบประดับคาดกลางแบ่งครึ่งแผงหน้าปัด ด้านข้างคอนโซลกลาง ช่วยเพิ่มความกิ๊บเก๋ด้วยลูกเล่นลายกราฟิกเรืองแสงได้ด้วยไฟ LED เป็นไฟ Ambient Light ในตัวปรับเปลี่ยนได้หลายเฉดสีพองามเพื่อไม่ให้วัยรุ่นเซ็ง นอกจากนี้วัสดุที่ใช้ในห้องโดยสารของ Audi Q2 ปี 2017 ก็อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานสมกับราคา

อุปกรณ์มาตรฐานภายนอก

จะเห็นว่าภายนอกของ Audi Q2 จะมีรูปลักษณ์ที่แปลกตากว่า Audi รุ่นอื่นๆ ซึ่งทำให้รถคันนี้ดูโดดเด่นขึ้นมากพอสมควร ไฟหน้าทรงเหลียม และกระจังหน้าแบบ Single Frame ทรง Polygon ออกแบบกันชนหน้าให้สอดรับกับหน้าตาของมัน ซึ่งก็ดูดีไม่น้อย เส้นสายด้านข้างดูเรียบง่ายสบายตาแต่การขึ้นรูปตัวถังดูแปลกตาจนอธิบายยาก ส่วนด้านท้ายบริเวณเสา C มีการเสริมลูกเล่นด้วยการพ่นสีให้แตกต่างจากตัวถัง ซึ่งพยายามจะทำให้มีสไตล์แบบ Floating Roof ส่วนด้านท้ายก็ออกแบบให้ดูดีไม่น้อยเช่นกัน

อุปกรณ์มาตรฐานภายใน

สำหรับขุมพลังนั้น ค่าย Audi มอบขุมพลัง 6 แบบที่แตกต่างกันมาให้ใน Q2 รุ่นใหม่ ตั้งแต่พละกำลัง 116-190 แรงม้า โดยเริ่มต้นที่เครื่องยนต์เบนซิน 1.0 ลิตร 3 สูบ TFSI ตามด้วยเครื่องยนต์ 1.4 ลิตร และ 2.0 ลิตร 4 สูบ ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 6 สปีดเป็นมาตรฐาน แต่มีระบบเกียร์อัตโนมัติคลัตซ์คู่ S-Tronic 7 สปีดเป็นออปชั่นเสริม สำหรับรุ่นท็อปเครื่องยนต์เบนซินและดีเซล 2.0 ลิตรจะมีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อมาให้ มาออปชั่นเสริมคือ ระบบ adaptive dampers สามารถปรับช่วงล่างให้เข้ากับการขับขี่ในแต่ละสภาพภูมิประเทศได้

สำหรับระบบความปลอดภัยนั้นก็จัดมาให้เต็มๆ ด้วยการติดตั้งระบบช่วยเบรกอัตโนมัติในทุกรุ่นย่อย ระบบ Adaptive Cruise Control / Stop and Go function / ระบบช่วยเหลือสำหรับการจราจรติดขัด / ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน / ระบบป้องกันการเปลี่ยนเลนโดยไม่ตั้งใจ / ระบบการตรวจจับสัญญาณจราจร / ระบบแจ้งเตือนรถวิ่งตัดท้ายขณะถอย และระบบช่วยจอด

Scroll to Top