เชื่อว่าหลายๆ คนที่มีรถเมื่อนานวันผ่านไปก็อยากที่จะขายรถยนต์ที่ใช้มานานแสนนานออกไปเพื่อเปิดทางให้กับคันใหม่ๆได้เข้ามาอยู่ไม่น้อย โดยการขายรถนี้หากอยากให้ขายออกเร็วๆ และโดนใจคนซื้อมี 7 วิธีด้วยกันดังนี้
1. รู้จักทิศทางตลาดรถยนต์
ผู้ขายจะต้องรู้ถึงทิศทางความต้องการของกลุ่มลูกค้าในช่วงเวลานั้นๆว่ารถรุ่นไหนกำลังเป็นที่ต้องการเช่น รถเน้นใช้งาน กับรถครอบครัวกำลังเป็นที่ต้องการมากเป็นพิเศษก็จะขายง่ายกว่าพวกรถสปอร์ต เพราะฉะนั้นปัจจัยตรงนี้มีผลอย่างมากกับการตั้งราคาและโอกาสในการขายรถออกไป
2. ตั้งราคาขายให้น่าสนใจ
คุณต้องรู้จักราคารถมือสองของคุณที่ต้องการจะขายเป็นอย่างดีว่าเฉลี่ยแล้ว ราคารถตกอยู่ที่เท่าไหร่ จากนั้นตั้งราคาสูงกว่าที่คุณต้องการนิดหน่อยเผื่อมีการต่อรองเกิดขึ้น หรืออีกวิธีนึงก็คือตั้งราคาให้ดูเหมือนถูกจนสะดุดหูสะดุดตาเช่น ตั้งขายรถ 290,000 แทนการตั้งขายในราคา 300,000 เป็นต้นเพื่อให้ผู้ซื้อรู้สึกพิเศษ
3. ดูแลรักษาสภาพรถมือสองที่จะขายให้ดูดีเสมอ
ในบางครั้งความพึ่งพอใจของผู้สึกก็ถูกตัดสินออกมาอย่างรวดเร็วจากแว่บแรกที่เห็น เพราะฉะนั้นผู้ขายจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมั่นใส่ใจดูแลรถของท่านให้ดูดีและสมบูรณ์ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ไม่ว่าจะเป็นภายในรถหรือภายนอกก็ตามและยังเหมารวมไปถึงระบบไฟต่างๆในรถอีกด้วย
4. เลือกแหล่งประกาศขายให้เหมาะกับกลุ่มลูกค้า
ปัจจุบันช่องทางการซื้อขายรถยนต์นั้นมากมายเต็มไปหมดไม่ว่าจะเป็น ผ่านหน้าร้านโดยตรง, ผ่านป้ายประกาศ, ผ่านเว็บออนไลน์ต่างๆ เป็นต้น แน่นอนหากคุณคาดหวังจะขายรถของคุณให้ออกในราคาที่คุณต้องการมากที่สุดและง่ายที่สุด คุณก็จำเป็นต้องเลือกช่องทางในการขายให้ดี ให้เหมาะสม เช่นต้องการขายให้กลุ่มวัยรุ่นคุณก็ควรขายผ่านออนไลน์ ต้องการขายให้กลุ่มผู้ใหญ่ก็ควรขึ้นป้ายประกาศเป็นต้น
5. รู้จักสร้างสรรคำโฆษณา กระตุ้นการขาย
ถ้อยคำทุกคำที่ใช้ในการโฆษณา ตลอดจนภาพประกอบที่มีจุดเด่น โดดเด่นสะดุดตาล้วนสำคัญต่อการขายรถยนต์มือสองของท่านอย่างมาก และที่สำคัญที่ขาดไม่ได้เลยนั้นก็คือรายละเอียดเกี่ยวกับการติดต่อกลับเมื่อมีคนสนใจซื้อรถนั้นเอง
6. รู้เขา รู้เรา
การขายรถนั้นผู้ขายและผู้ซื้อจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องกล้าที่จะให้ใจลูกค้าได้สัมผัสและทดลองขับรถของท่านก่อนซื้อเพื่อเพิ่มความพึ่งพอใจในการตัดสินใจให้กับลูกค้า แต่หากไม่ไว้ใจและกลัวว่าจะโดนโกง ก็แนะนำว่าให้สำรวจเอกสารของผู้ซื้อเบื้องต้นไว้บ้างเช่น ใบขับขี่หรือบัตรประชาชนเป็นต้น
7. รู้จักพูดโต้ตอบเวลามีการต่อรอง
เรื่องการพูดต่อรองราคาเป็นอะไรที่มักมีโอกาสเกิดขึ้นเสมอ เพราะฉะนั้นผู้ขายจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องฝึกฝนและเรียนรู้ที่จะโต้ตอบต่อรองให้เป็นเมื่อตกอยู่ในสถานการณ์ดังกล่าว ไม่แข็งเกินไป ไม่อ่อนเกินไป